วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

อินเทอร์เน็ต พัฒนาการจากอดีตสู่ปัจจุบัน

อินเทอร์เน็ต  INTERNET

                    อินเทอร์เน็ต  (INTERNET ) มาจากคำว่า Interconnection  Network  หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก โดยใช้โปรโตคอล (protocol)  เป็นมาตรฐานในการติดต่อสื่อสาร
                 
                    เครือข่ายคอมพิวเตอร์ : โปรโตคอล
ชุดของกฎหรือข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์  เพื่อให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถรับ-ส่งข้อมูลระหว่างกันได้ถูกต้อง

                    ประวัติอินเทอร์เน็ต
                    อินเทอร์เน็ตพัฒนาขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1969  ในยุคสงครามเย็นระหว่างสหรัฐกับสหภาพโซเวียด  ที่แข่งขันกันพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โซเวียตส่งดาวเทียมดวงแรกสู่ห้วงอวกาศ  อเมริกาจึงเริ่มพัฒนาเครือข่ายสื่อสารทางทหาร  โดยออกแบบระบบให้เหมือนร่างแห่ที่กระจายไปทั่วให้มั่นใจว่าหากถูกถล่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์  เครือข่ายก็จะไม่ถูกตัดขาด  ยังมีทางส่งข้อมูลอ้อมไปได้
                    เมื่อภาวะสงครามคลายลง เครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่มีความจำเป็นที่จะใช้เฉพาะเครือข่ายทางการทหารอีกต่อไป  เครือข่ายจึงขยายตัวออกไปสู่ธุรกิจด้านต่างๆ ทั่วโลก  มีการเชื่อมต่อนับพันล้านเครื่องในเวลาที่รวดเร็ว มีการเชื่อมต่อผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมอยู่เดิมมากขึ้นเป็นลำดับ  ผู้เชื่อมต่อต้านลงทุนอุปกรณ์ เครื่องมือ รวมถึงจ่ายค่าสัมปทานจากรัฐผู้ให้บริการเชื่อมต่อเรียกว่า
ISP (Internet  service  povider)  เก็บค่าบริการต่างกันขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อ
                     ค.ศ. 1973  มีการเชื่อมโยงเครือข่ายอาร์พาเน็ต  กับมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ และได้เชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายคอมพิวเตอร์กลุ่มอื่นๆ อีกหลายเครือข่ายทั้งในยุโรปและอเมริกา เช่น
NSFNET (National science  foundation network)
CSNET    (Computer  science network)
EUNET    (European unix network)

เกิดเป็นเครือข่ายในลักษณะ "เครือข่ายของเครือข่าย"


TCP/IP กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สื่อสารระหว่างกันโดยใช้ Transmission Control Protocol (TCP) และ Internet Protocol (IP) รวมเรียกว่า TCP/IP ข้อมูลที่ส่งจะถูกตัดออกเป็นส่วนๆ เรียก packet แล้วจ่าหน้าไปยังผู้รับด้วยการกำหนด IP Address เช่น สมมติเราส่ง e-mail ไปหาใครสักคน e-mail ของเราจะถูกตัดออกเป็น packet ขนาดเล็กๆ หลายๆ อัน ซึ่งแต่ละอันจะจ่าหน้าถึงผู้รับเดียวกัน packets พวกนี้ก็จะวิ่งไปรวมกับ packets ของคนอื่นๆ ด้วย ทำให้ในสายของข้อมูล packets ของเราอาจจะไม่ได้เรียงติดกัน packets พวกนี้จะวิ่งผ่าน ชุมทาง (gateway) ต่างๆ โดยตัว gateway (อาจเรียก router) จะอ่านที่อยู่ที่จ่าหน้า แล้วจะบอกทิศทางที่ไปของแต่ละ packet ว่าจะวิ่งไปในทิศทางไหน packet ก็จะวิ่งไปตามทิศทางนั้น เมื่อไปถึง gateway ใหม่ก็จะถูกกำหนดเส้นทางให้วิ่งไปยัง gateway ใหม่ที่อยู่ถัดไป จนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง เช่นเราติดต่อกับเครื่องในอเมริกา อาจจะต้องผ่าน gateway ถึง 10 แห่ง เมื่อ packet วิ่งมาถึงปลายทางแล้ว เครื่องปลายทางก็จะเอา packets เหล่านั้นมาเก็บสะสมจนกว่าจะครบ จึงจะต่อกลับคืนให้เป็น e-mail   
         การที่ข้อมูลมีลักษณะเป็น packet ทำให้ในสายสื่อสารสามารถที่จะ ขนส่งข้อมูลโดยไม่ต้องจอง (occupies) สายไว้สายจึงสามารถใช้ร่วมกันกับข้อมูลที่ส่งจากเครื่องอื่นได้ ต่างจากโทรศัพท์ที่ขณะใช้งาน จะไม่มีใครใช้สายได้ ดังตัวอย่างในรูปข้าล่างนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ A และ C สื่อสารกันด้วย packet สีดำ ซึ่งใช้สายร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ซึ่ง packet ดังกล่าวอาจจะเป็นสัญญาณเสียง (เช่น Internet Phone) ซึ่งเมื่อ packet เดินทางมาถึงก็จะถูกจับมารวมกันให้เป็นเสียงของการพูดคุย ไม่เหมือนโทรศัพท์แบบปรกติ ที่ขณะใช้งานสาย จะไม่สามารถนำไปทำงานอื่น ๆ ได้อีก


           อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ เครือข่ายของเครือข่าย (A network of network) 
สำหรับคำว่า internet หากแยกศัพท์จะได้ออกมา 2 คำ คือ คำว่า Inter และคำว่า net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำว่า Net มาจากคำว่า Network หรือเครือข่าย เมื่อนำความหมาย ของทั้ง 2 คำมารวมกัน จึงแปลได้ว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น